วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ไฟตัดหมอก

ไฟตัดหมอก

ไฟตัดหมอกหน้า - ประโยชน์ใช้สอยเพื่อให้เห็นทางได้ชัดขึ้น เพราะไฟหน้าปกติของเราจะฉายออกไปค่อนข้างไกล ซึ่งจำเป็นในสภาวะอากาศปกติ แต่ในสภาพมีหมอกลงจัด ลำแสงไฟที่ฉายออกไปตรงๆ จะสะท้อนละอองน้ำที่หนาแน่น ทำให้ยิ่งมองเห็นทางลำบากขึ้น - มันจะขาวโพลนไปหมด

ไฟตัดหมอกหลัง - ใช้ไฟสีแดงที่สว่างมากกว่าไฟท้ายปกติ (ส่วนใหญ่จะส่วางเท่ากับไฟเบรค) เพื่อสว่างตัดละอองหมอกออกไปให้รถที่อยู่ข้างหลังเห็นเราได้ดีขึ้น

ข้อคิด:
บางประเทศ เช่นฝรั่งเศส มีกฏหมายให้ใช้ไฟหน้าสีเหลือง เพราะตามหลักวิทยาศาสตร์ ไฟสีเหลืองจะฝ่าละอองน้ำ (ละอองหมอก) ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า-ไกลกว่า ตัวอย่างที่เห็นก็คือ ไฟลานบิน (Runway) และไฟถนนใกล้ๆ สนามบิน จะใช้สีเหลือง เพื่อให้นักบินมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น

กรุณาอ่านคำชี้แจงข้างต้น แล้วใช้ไฟตัดหมอกของท่าน ทั้งหน้าและหลัง ให้ถูกต้องกับจุดประสงค์ของมัน - ไม่ใช่เพื่อความโก้เก๋  

การใช้ไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี จึงมีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่องจากทั้งทางภาครัฐ และเอกชน โดยกรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอก ประกอบด้วย
1. ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัดหมอกอย่างชัดเจน
2. เมื่อขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน   เพราะที่สูงๆ นั้น หมอกจะมีมากกว่าปกติ
3. ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่ ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เพราะไฟหน้าปกติถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว
4. ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถสวนมาในระยะที่มองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาได้อย่างชัดเจน แม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอก คงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญาณจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม
การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธีจะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเสริมทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ  ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย 


หัวเผา

หัวเผา

หัวเผา (Glow plug) เปนอุปการณที่ชวยในการสตารตเครื่องยนตใหติดไดโดยงาย
บางครั้งที่เครื่องยนตเย็นหรือมีอากาศหนาว จะทําใหเครื่องยนตสตารตติดยาก จึงตองมีอุปกรณเขามาชวยในการสตารตเครื่องยนต โดยวิธีการทําใหเกิดความรอนขึ้นภายในหองเผาไหมกอน แลวจึงจะสตารทเครื่องยนต

หัวเผา เป็นลักษณะของไส้ความร้อน ที่ทำงานโดยอาศัยกระแสไฟที่ได้จากแบตเตอรี่ เพื่อทำให้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้สูงขึ้น เพื่อให้เกิดการจุดระเบิดได้ง่ายในขณะเครื่องเย็น โดยจะถูกติดตั้งที่กระบอกสูบของทุกสูบ

หัวเผาจะถูกติดตั้งในห้องเผาไหม้ล่วงหน้า และน้ำมันเชื้อเพลิงจะถูกฉีดเข้ามาที่ห้องนี้ เมื่อเกิดการจุดระเบิดขึ้นจะเกิดขึ้นที่ห้องเผาไหม้ล่วงหน้านี้ก่อนแล้วจึงลามออกไปยังห้องเผาไหม้หลัก
เครื่องยนต์ดีเซล ที่มีห้องเผาไหม้แบบอินไดเร็กต์ (indirect) หรือที่เรียกกันว่าสเวิร์มแชมเบอร์ เช่น เครื่องยนต์ของโตโยต้า ไมตี้เอ๊กซ์ (2L), มิตซูบิชิไซโคลน (4D56) เป็นต้น
เครื่องยนต์ที่ใช้ระบบหัวเผา ในขณะสตาร์ทเครื่องจะต้องรอให้ไฟสัญญาณดับลงก่อน จึงทำการสตาร์ท (ใช้เวลาประมาณ 3-4 วินาที)


สอบถามสินค้า โทร 038 443084