ตลับลูกปืน
ตลับลูกปืน (Bearing) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้รองรับการหมุนของเพลา โดยตลับลูกปืนมีหน้าที่ถ่ายทอดแรงที่เกิดขึ้นจากเพลาลงไปสู่ฐานเครื่องยนต์
และลดแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัส
ทำให้ช่วยเพิ่มสมรรถนะของเครื่องจักรกลต่างๆ ลดการสึกหรอ
แต่ตลับลูกปืนมักจะเสื่อมสภาพเร็วเนื่องจากตลับลูกปืนถือว่าเป็นจุดวิกฤตของ
เครื่องมือกล
ตลับลูกปืนทำหน้าที่ลดความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัส ทำให้สามารถลด ปริมาณพลังงานที่จำเป็นต้องใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักรและเนื่องจากความเสียดทานที่ลดลง จึงช่วยเพิ่มสมรรถนะในการทำงานของเครื่องจักร ลดการสึกหรอ มีผลให้การดูแลรักษาง่ายขึ้น
การบำรุงรักษาตลับลูกปืน
ตลับลูกปืนกว่า36%ที่เสียหายก่อนกำหนด มีสาเหตุมาจากการหล่อลื่นที่ไม่ถูกต้อง จาระบีสารพัดประโยชน์ไม่เพียงพอต่อความต้องการเฉพาะของตลับลูกปืน ในเครื่องจักรแต่ละแบบและจะทำให้เกิดปัญหามากกว่าจะเป็นประโยชน์ ตลับลูกปืนมีสภาพการทำงานที่หลากหลายและการหล่อลื่นที่ถูกต้อง จำเป็นต้องใช้จาระบีเฉพาะของงาน
ในขณะที่ตลับลูกปืนทำงาน จำเป็นจะต้องเติมสารหล่อลื่นเพิ่ม การเลือกใช้จาระบีและการเติมด้วยปริมาณที่ไม่ถูกต้องจะส่งผลต่ออายุการทำงานของตลับลูกปืน นอกจากนี้วิธีการเติมที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุตลับลูกปืนได้
หน้าที่หลักของการหล่อลื่นตลับลูกปืน คือ การเน้นไปที่การป้องกันการสัมผัสกันของโลหะระหว่างเม็ดลูกกลิ้งและรางวิ่ง ก็เพื่อที่จะลดแรงเสียดทานและป้องกันการสึกหรอ หน้าที่รองของสารหล่อลื่น คือ การปกป้องตลับลูกปืนจากการกัด
กร่อนและสิ่งปนเปื้อนภายนอก
การหล่อลื่นด้วยน้ำมัน
มีตลับลูกปืนน้อยกว่า 20% หล่อลื่นด้วยน้ำมัน เราจะไม่เน้นไปที่การหล่อลื่นวิธีนี้ นอกจากนี้ การหล่อลื่นด้วยน้ำมัน
เป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน คุณสมบัติที่สำคัญในการเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นคือ ความหนืดและชนิดของน้ำมัน
การหล่อลื่นควรใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดที่เหมาะสมกับความต้องการและมีปริมาณน้ำมันหล่อลื่นที่เพียงพอ ห้องเครื่องของเพลางานควรได้รับการตรวจสอบคุณภาพและปริมาณของน้ำมันหล่อลื่นที่มีอยู่ในห้องเครื่องตามคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องมือกลอยู่เสมอ เครื่องมือกลควรจัดวางให้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมและปราศจากฝุ่นละออง หรือจัดหาสิ่งที่ป้องกันเมื่อจำเป็น
การเลือกใช้น้ำมันจะขึ้นอยู่กับความหนืดที่ต้องใช้ในการหล่อลื่นที่เพียงพอแก่ตลับลูกปืนที่อุณหภูมิ น้ำมันหล่อลื่น
พื้นฐานโดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่
น้ำมันแร่ ( 90%)
น้ำมันสังเคราะห์ ( 10%)
น้ำมันจากสัตว์และพืช ( <1%)
โดยทั่วไปน้ำมันแร่เหมาะสมต่อการใช้งาน แต่ในบางกรณี น้ำมันชนิดอื่นมีความเหมาะสมมากกว่า น้ำมันจะต้องปราศจากสิ่งปนเปื้อนและทนต่อปฏิกิริยากับอากาศ(ออกซิเดชั่น) การเกิดยางเหนียว และ การเสื่อมสภาพจากการระเหยตัว
เอกภัณฑ์อะหลั่ย จำหน่ายตลับลูกปืน พวงมาลัย ลูกปืนตุ๊กตา ลูกปืนเกียร์ ลูกปืนคลัช ลูกปืนเข็ม ลูกปืนกรงนก NSK, SKF, KOYO, NACHI, TIMKEN, NTN, URB ของแท้คุณภาพดี
http://akp-auto.lnwshop.com/product/39/bearing สั่งสินค้าออนไลน์
โทร 038-443084
อะไหล่ จ.ชลบุรี อะไหล่ภาคตะวันออก อะไหล่บ้านบึง อะไหล่รถยนต์แท้ อะหลั่ยคุณภาพ แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง สกรู แหนบ ใบปัดน้ำฝน กรองเครื่อง กรองอากาศ เครื่องมือ หลอดไฟ ท่อยาง หัวเทียน ซ่อมรถยนต์ ฟิตเครื่องยนต์ ไส้กรอง จานคลัชท์ หม้อลม ไฟท้าย ตลับลูกปืน กากบาท ยอยเพลากลาง ยางบังโคลน ยางปูพื้น อะไหล่รถรุ่นเก่าๆ ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาความสะอาดรถ Carcare อะไหล่รถใหญ่ อะไหล่หายาก มังกร ไมตี้X Big M ไซโคลน อีซูซุ TXหัวยาว โฟล์กลิฟท์ สตาร์ด้า
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556
กรองน้ำมันเครื่อง
กรองน้ำมันเครื่อง
กรองน้ำมันเครื่อง ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกหรือเศษโลหะ
เพื่อให้มีน้ำมันเครื่องที่สะอาดไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา โดยมีทั้งแบบ ตะแกรง
ไส้ฝอยโลหะ และไส้กระดาษใยสังเคราะห์พับซิกแซก
ซึ่งแบบสุดท้ายได้รับความนิยมมากที่สุด
เพราะมีประสิทธิภาพในการกรองสูงและราคาไม่แพง
ไส้กรองน้ำมันเครื่องนับเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่สามารถ เลือกใช้ได้ทั้งของแท้
ของคุณภาพเทียบเท่า หรือของเทียมก็ใช้ได้
เพราะผู้ผลิตรถยนต์ก็มักไม่ได้ผลิตเอง
แต่จะสั่งจากผู้ผลิตรายย่อยมาอีกต่อหนึ่ง
โดยในตลาดอะไหล่ก็มีไส้กรองน้ำมันเครื่องสารพัดชนิด
ให้เทียบได้ทั้งคุณภาพและราคา
บางยี่ห้อคุณภาพเท่าหรือเหนือกว่าไส้กรองน้ำมันเครื่ องแท้แต่ราคาถูกกว่า
หรือคุณภาพต่ำกว่ามากก็มี จึงต้องเลือกอย่างรอบคอบ
สำหรับอายุการใช้งานของไส้กรองน้ำมันเครื่องอยู่ที่ 8,000-10,000 กิโลเมตร
(หรือนานกว่านั้นในไส้กรองน้ำมันเครื่องแบบพิเศษ) แต่ในการใช้งานจริง
มักถือโอกาสเปลี่ยนพร้อมกับน้ำมันเครื่องไปเลย
ถ้าอยากประหยัดก็สามารถใช้ไส้กรองน้ำมันเครื่องตามกำหนดได้
แต่ต้องถอดออกมาเทน้ำมันเครื่องเก่าทิ้งในครั้งที่เป ลี่ยนน้ำมันเครื่อง
แต่ไส้กรองน้ำมันเครื่องยังไม่หมดอายุจึงใส่กลับเข้า
ไปเหมือนเดิมรออายุการใช้งานมาถึงค่อยเปลี่ยน การละเลยทั้งการเลือกใช้และการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
แม้ไม่มีผลชัดเจนในการทำให้เครื่องยนต์พังทันที
แต่ในระยะสั้นมีผลต่อกำลังของเครื่องยนต์บ้าง
และระยะยาวก็ทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานสั้นลงแ น่นอนครับ
วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556
น้ำมันเบรค
น้ำมันเบรค
น้ำมันเบรคที่จะใช้ในระบบเบรคก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะให้ความมั่นใจกับผู้ขับขี่ทุกครั้งที่มีการเหยียบเบรคน้ำมันเบรค คือของเหลวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังโดยของเหลว
หรือเรียกว่าเป็นตัวไฮดรอลิกก็ได้
เมื่อเราเหยียบเบรคที่แป้นเบรค แรงดันที่เหยียบจะถูกถ่ายทอดผ่านของเหลว (น้ำมันเบรค) ในระบบ
ไปยังห้ามล้อทั้ง 4 ล้อ ซึ่งจะทำให้ความเร็วของรถช้าลง หรือหยุดตามแรงกดที่ต้องการ
น้ำมันเบรคที่ดีนอกจากจะเป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลัง (ไฮดรอลิก) จากแป้นเหยียบเบรคแล้ว
ยังต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกดังนี้
เป็นตัวหล่อลื่นส่วนต่างๆ ในระบบเบรค เช่น แม่ปั๊มเบรคและลูกปั๊มเบรค
เนื่องจากต้องมีการเสียดสีของลูกสูบเบรค ลูกยางเบรค ภายในแม่ปั๊มเบรค ลูกปั๊มเบรค นับครั้งไม่ถ้วน
ถ้าปราศจากการหล่อลื่นก็จะทำให้เกิดการสึกหรอ เกิดการรั่วภายหลังได้
มีความหนืดที่เหมาะสม ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้ได้ในอุณหภูมิต่างๆ ไม่ว่าร้อนหรือเย็น
มีความหนืดที่ยืดหยุ่นได้ ไม่ข้นเกินไปแม้ว่าจะใช้ในอุณหภูมิติดลบ
ไม่เป็นอันตรายต่อชิ้นส่วนที่เป็นโลหะในระบบหรือลูกยางต่างๆ
เนื่องจากระบบเบรคเป็นระบบความปลอดภัยที่สำคัญ
ถ้าการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ ในส่วนของไฮดรอลิกบกพร่องจะเกิดอันตรายอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นสนิมในระบบสร้างแรงดัน หรือลูกยางเสื่อมสภาพ
มีจุดเดือดสูงและไม่ระเหยได้ง่าย
คุณสมบัตินี้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่เป็นตัวบอกว่า น้ำมันเบรคยังคงมีสภาพใช้งานได้อยู่หรือไม่
จุดเดือดสูงก็จะเสื่อมสภาพได้ยากกว่า และทนต่อแรงดันจากการที่เหยียบแรงๆ ต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี
คงสภาพได้นาน หมายถึงรักษาคุณสมบัติต่างๆ ได้นานไม่ว่าจะมีผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ
เช่นเรื่องของความชื้น หรือเกิดจากการใช้งานปกติ
มาตรฐานด้านความปลอดภัยได้กำหนดชื่อมาตรฐานสำหรับน้ำมันเบรคว่า
DOT (Department of Transportation) ที่เรียกจนติดปาก
โดยกำหนดจุดเดือดของน้ำมันเบรก DOT3 ไม่ต่ำกว่า 205 องศาเซลเซียส
DOT4 ไม่ต่ำกว่า 230 องศาเซลเซียส DOT5 260 องศาเซลเซียส
สำคัญอย่างไร
จากคุณสมบัติของน้ำมันเบรคจะเห็นได้ว่า จุดเดือดของน้ำมันเบรคเป็นสิ่งสำคัญ
เนื่องจากเวลาเราเหยียบเบรคที่ความเร็วสูงหรือบรรทุกหนัก อุณหภูมิที่ผ้าเบรคและจานเบรคจะสูงมาก
ความร้อนดังกล่าวจะถ่ายเทมายังน้ำมันเบรคด้วย
ถ้าน้ำมันเบรคมีจุดเดือดต่ำจะสามารถระเหยและกลายเป็นไอได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลัง
หรือทำหน้าที่ไฮดรอลิกในระบบเบรคได้ จะทำให้เกิดเบรคไม่อยู่ เบรคจมหรือเรียกว่าเบรคแตก
ยกตัวอย่างการขับขี่ที่ใช้เบรคมากกว่าปกติ นั่นคือการใช้เบรคขณะลงเขา
กรณีดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ถ้าผู้ขับขี่ไม่ระวัง หรือใช้เบรคมากจนเกินไป
การลงเขาที่ถูกต้องนั้น ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าข้างทางจะมีป้ายเตือนให้ผู้ขับรถใช้เกียร์ต่ำ
ดังนั้นการใช้เกียร์ต่ำ ก็คือการให้เครื่องยนต์เป็นตัวช่วยในการเบรคนั่นเอง (Engine Brake)
การทำดังกล่าวจะเป็นการช่วยลดภาระของระบบเบรคได้มากทีเดียว
การใช้เกียร์ต่ำคือการลดเกียร์ลง เช่นกรณีใช้เกียร์สี่อยู่ก็ให้ลดมาที่เกียร์สามหรือเกียร์สอง
ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าเวลาลดเกียร์ รอบเครื่องยนต์จะสูงขึ้น นั่นก็คือการใช้เครื่องยนต์เป็นตัวช่วยเบรค
การทำดังกล่าวก็สามารถทำกับเกียร์อัตโนมัติได้เช่นกัน โดยดึงคันเกียร์จาก D มาที่ 3 หรือ 2
แล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ฉุดรั้งไว้ พร้อมทั้งเหยียบเบรคช่วย จะทำให้อุณหภูมิเบรคไม่ร้อนจนเกินไป
สำหรับท่านที่ใช้เบรคมากเกินไปจนรู้สึกว่าเบรคไม่อยู่ หรือได้กลิ่นไหม้จากการเบรค
ให้รีบจอดรถข้างทาง รอจนกว่าเบรคจะเย็นหรือประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย
ลองทดสอบเบรคดู ถ้าเบรคอยู่แล้ว ให้ค่อยๆ ขับต่อโดยขับช้าๆ พร้อมใช้เกียร์ต่ำ และเบรคเท่าที่จำเป็น
การขับรถช้าๆ ความเร็วของรถจะไม่สูง ดังนั้นการใช้เบรคก็จะน้อยตามไปด้วย
ทำไมต้องเปลี่ยน
จากตัวอย่างการเกิดเบรคจมหรือเบรคไม่อยู่ขณะลงทางชันหรือลงจากเขา
ส่วนหนึ่งมาจากน้ำมันเบรคไม่สามารถทนความร้อน จากการเบรคในลักษณะการขับขี่ที่ไม่ถูกต้อง
หรือน้ำมันเบรคเสื่อมสภาพ (จุดเดือดต่ำลง)
ดังนั้นการที่ต้องทำให้น้ำมันเบรคมีจุดเดือดสูงนั้น
เนื่องจากว่าสารเคมีในน้ำมันเบรคมีคุณสมบัติดูดซับความชื้น
ยิ่งในเขตที่มีความชื้นสูงอย่างประเทศไทย ความชื้นยิ่งมีโอกาสแทรกไปปนอยู่ในน้ำมันเบรคได้ง่ายขึ้น
โดยจะทำให้จุดเดือดของน้ำมันเบรคลดลงตามลำดับ
ดังนั้นคุณสมบัติของน้ำมันเบรคจึงควรมีจุดเดือดสูงไว้ตั้งแต่แรก
ได้เคยมีผู้ทดลองไว้ว่าภายในระยะ 12-15 เดือน น้ำมันเบรคสามารถดูดซับความชื้น
ทำให้จุดเดือดลดลงเหลือประมาณ 140 องศาหรือต่ำกว่า
ซึ่งถ้าหากใช้ต่อไป อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ได้
อีกอย่างหนึ่งคือเมื่อมีการดูดซับความชื้นเข้าไปในระบบ (มีน้ำเข้าไป)
ก็จะทำให้เกิดสนิมได้เมื่อใช้ไปนานๆ
บางครั้งเมื่อเราเจอปัญหาเรื่องเบรคไม่อยู่หรือรั่ว ช่างก็จะถอดแม่ปั๊มเบรคออกมาดู
จะพบว่าลูกยางตาย เสื่อมสภาพ กระบอกสูบของแม่ปั๊มเบรคเป็นสนิมหรือตามด
ถ้าเกิดสนิมตามดเล็กน้อยก็สามารถใช้กระดาษลูบแก้ไข แต่ถ้ากินจนเนื้อหายก็ต้องเปลี่ยนทั้งแม่ปั๊ม
ท่านเจ้าของรถหลายท่าน รวมถึงช่างบางคนก็ยังไม่รู้ว่าสนิมเหล่านั้นมาได้อย่างไร
ปัจจุบันมีเครื่องวัดคุณภาพของน้ำมันเบรค
ว่าน้ำมันเบรคที่เราใช้อยู่นั้น ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ หรืออยู่ในส่วนที่เป็นอันตรายแล้ว
การวัดดังกล่าวใช้เวลาสั้นมากเพียงแค่ 2-3 วินาทีก็สามารถรู้ได้ว่า น้ำมันเบรคเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง
การวัดสภาพน้ำมันเบรค สามารถปรับตั้งค่าการวัดที่ตัววัดสภาพน้ำมันเบรคได้
เนื่องจากคุณภาพน้ำมันเบรค เกรดน้ำมันเบรคแตกต่างกัน (DOT) แล้วแต่ผู้ให้บริการ
หรือศูนย์บริการซ่อมเลือกใช้
การวัดจากเครื่องวัดจะบอกเป็นตัวเลขและสภาพไปพร้อมๆ กัน ตัวอย่างเช่น
เลข “0” หมายถึง น้ำมันเบรคใหม่ (new oil)
เลข “1-2” น้ำมันเบรคปกติ (Normal)
เลข “3-4” ควรเปลี่ยน (Change)
เลข “5-6” อันตราย (Danger)
การเลือกเกรดน้ำมันเบรค ปัจจุบันก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อตามแต่จะเลือกใช้
ส่วนใหญ่ก็จะเลือกใช้ยี่ห้อเดิม หรือตามที่ศูนย์บริการเปลี่ยนให้ โดยส่วนใหญ่จะใช้ DOT4
สามารถดูได้ข้างกระป๋องว่าที่เราใช้อยู่นั้นเป็นเกรดหรือ DOT อะไร
การเลือกใช้น้ำมันเบรคที่มี DOT สูงกว่าไม่เป็นการผิดแต่อย่างใด แต่จะมีค่าตัวสูงกว่าเดิมเล็กน้อย
การเปลี่ยนยี่ห้อน้ำมันจากที่เราเคยใช้อยู่นั้น ควรถ่ายของเดิมทิ้งให้หมด
แล้วเลือกเติมตามที่เราต้องการ แต่ควรเป็น DOT ที่เท่ากันหรือสูงกว่าเท่านั้น
ดังนั้น ผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคตามระยะที่กำหนด
โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถด้วยความเร็วสูง ผู้ที่บรรทุกหนักหรือวิ่งทางลาดชันบ่อยๆ
และใช้งานเบรคหนักต่อเนื่องบ่อย ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรคทุกๆ 1 ปี
ถ้าไม่แน่ใจก็ให้สอบถามตามศูนย์บริการมาตรฐานทั่วไป
โดยระยะเวลาหรือระยะทางของแต่ละบริษัท อาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็เป็นพื้นฐานใกล้เคียงกัน
Cradit : http://www.one2car.com
เอกภัณฑ์อะหลั่ย จำหน่ายน้ำมันเบรค เชลล์, โมบิล, โตโยต้า, เอเต้
สนใจ โทร 038-443084
วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ใบปัดน้ำฝน
ใบปัดน้ำฝน
การเลือกซื้อใบปัดน้ำฝน
ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุ และเนื้อยางที่มีคุณภาพดี เพื่อให้ทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ และสามรถใช้งานได้นาน ใบปัดน้ำฝนที่ดี ส่วนโครงของใบปัดน้ำฝน ควรจะทำจากวัสดุที่เป็นโลหะทั้งโครง เพื่อช่วยป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะใช้ความเร็วสูง และสามารถเพิ่มน้ำหนักในการรีดน้ำให้เรียบอีกด้วย
นอกจากนี้ เนื้อยางของใบปัดน้ำฝนก็มีส่วนสำคุญ ควรพิจรณาเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีเนื้อยางสูตรเฉพาะ ที่เหมาะสำหรับการใช้ในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถคงคุณภาพยางไม่ให้เสื่อมเร็วเกินไป
ใบปัดน้ำฝนบางชนิดอาจจะมีราคาถูก แต่อาจจะเสื่อมประสิทธิภาพภายหลังการใช้เพียง 1-2 ครั้ง เนื่องจากผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่ได้
เทคนิค และการดูแลรักษาใบปัดน้ำฝน
ที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์หนึ่งซึ่งสำคัญกับความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ โดยเจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะละเลย และไม่นึกถึง จะมาเห็นความสำคัญเมื่อตอนที่เจอฝน ซึ่งตอนนั้นอาจจะสายเกินไป ส่วนประกอบสำคัญของที่ปัดน้ำฝนที่ต้องดูแลสภาพค่อนข้างสมำเสมอ เนื่องจากมีการเสื่อมสภาพหลังจากที่ผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง คือส่วนโครง และใบปัดน้ำฝน ซึ่งโดยทั่วไปมักจะมีคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนดังต่อไปนี้
1.ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเมื่อไร?
เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ควรทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เนื่องจากใบปัดน้ำฝน โดยทั่วไป จะมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และวัสดุที่ใช้ในการผลิต
2.รู้ได้อย่างไรว่าที่ปัดน้ำฝนหมดอายุการใช้งาน?
เมื่อผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ที่ปัดน้ำฝนจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ซึ่งอาจทำให้ไม่ปลอดภัยเวลาขับขี่ โดยมีอาการหลายอย่างที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน ได้แก่ ใบปัดเป็นรอยทำให้ปัดน้ำได้ไม่หมด ,ใบปัดสะดุด ,มีเสียงดังเวลาปัด และใบปัดฉีกขาด
3.ถ้าที่ปัดน้ำฝนไม่ค่อยได้ใช้งาน เรามีความจำเป็นในการเปลี่ยนหรือไม่?
ถึงแม้ว่าไม่ค่อยได้ใช้งาน ใบปัดน้ำฝนก็ยังต้องรับกับสภาวะต่างๆนอกรถ เช่น แสง UV และความร้อนจากแสงแดด หรือมลภาวะ ฝุ่นต่างๆ ทีมีผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานของใบปัด ซึ่งทำมาจากยาง ทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนตามอายุการใช้งาน เพื่อความปลอดภัย
4.ขนาดของใบปัดน้ำฝน
รถแต่ละรุ่นจะใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดที่แตกต่างกัน ในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน จึงควรจะดูขนาดที่ระบุอยู่ในคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือสามารถเทียบดูรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนได้เช่นกัน
ในกรณีที่ติดใบปัดผิดขนาด ถ้าเล็กไปจะทำให้รัศมีในการปัดน้อยลง ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ไม่ดี ถ้าใหญ่ไปใบปัดอาจจะเลยขอบกระจก ทำให้ใบปัดเสีย และอายุการใช้งานน้อยลง
5.การทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน
เพราะว่าใบปัดน้ำฝน จะมีหน้าที่ปัดสิ่งสกปรกออกจากกระจก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หรือคราบต่าง ๆ ทำให้สิ่งเหล่านั้นอาจเกาะอยู่บนใบปัด ทำให้ใบปัดไม่สะอาด ซึ่งเราสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำ แล้วรูดไปตามใบปัด ไม่ควรใช้สารเคมีใดๆ โดยเฉพาะผงซักฟอก เพราะจะทำให้ใบปัด และสีของรถเสียหายได้
ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุ และเนื้อยางที่มีคุณภาพดี เพื่อให้ทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ และสามรถใช้งานได้นาน ใบปัดน้ำฝนที่ดี ส่วนโครงของใบปัดน้ำฝน ควรจะทำจากวัสดุที่เป็นโลหะทั้งโครง เพื่อช่วยป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะใช้ความเร็วสูง และสามารถเพิ่มน้ำหนักในการรีดน้ำให้เรียบอีกด้วย
นอกจากนี้ เนื้อยางของใบปัดน้ำฝนก็มีส่วนสำคุญ ควรพิจรณาเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีเนื้อยางสูตรเฉพาะ ที่เหมาะสำหรับการใช้ในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถคงคุณภาพยางไม่ให้เสื่อมเร็วเกินไป
ใบปัดน้ำฝนบางชนิดอาจจะมีราคาถูก แต่อาจจะเสื่อมประสิทธิภาพภายหลังการใช้เพียง 1-2 ครั้ง เนื่องจากผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่ได้
เทคนิค และการดูแลรักษาใบปัดน้ำฝน
ที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์หนึ่งซึ่งสำคัญกับความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ โดยเจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะละเลย และไม่นึกถึง จะมาเห็นความสำคัญเมื่อตอนที่เจอฝน ซึ่งตอนนั้นอาจจะสายเกินไป ส่วนประกอบสำคัญของที่ปัดน้ำฝนที่ต้องดูแลสภาพค่อนข้างสมำเสมอ เนื่องจากมีการเสื่อมสภาพหลังจากที่ผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง คือส่วนโครง และใบปัดน้ำฝน ซึ่งโดยทั่วไปมักจะมีคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนดังต่อไปนี้
1.ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเมื่อไร?
เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ควรทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เนื่องจากใบปัดน้ำฝน โดยทั่วไป จะมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และวัสดุที่ใช้ในการผลิต
2.รู้ได้อย่างไรว่าที่ปัดน้ำฝนหมดอายุการใช้งาน?
เมื่อผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ที่ปัดน้ำฝนจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ซึ่งอาจทำให้ไม่ปลอดภัยเวลาขับขี่ โดยมีอาการหลายอย่างที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน ได้แก่ ใบปัดเป็นรอยทำให้ปัดน้ำได้ไม่หมด ,ใบปัดสะดุด ,มีเสียงดังเวลาปัด และใบปัดฉีกขาด
3.ถ้าที่ปัดน้ำฝนไม่ค่อยได้ใช้งาน เรามีความจำเป็นในการเปลี่ยนหรือไม่?
ถึงแม้ว่าไม่ค่อยได้ใช้งาน ใบปัดน้ำฝนก็ยังต้องรับกับสภาวะต่างๆนอกรถ เช่น แสง UV และความร้อนจากแสงแดด หรือมลภาวะ ฝุ่นต่างๆ ทีมีผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานของใบปัด ซึ่งทำมาจากยาง ทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนตามอายุการใช้งาน เพื่อความปลอดภัย
4.ขนาดของใบปัดน้ำฝน
รถแต่ละรุ่นจะใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดที่แตกต่างกัน ในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน จึงควรจะดูขนาดที่ระบุอยู่ในคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือสามารถเทียบดูรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนได้เช่นกัน
ในกรณีที่ติดใบปัดผิดขนาด ถ้าเล็กไปจะทำให้รัศมีในการปัดน้อยลง ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ไม่ดี ถ้าใหญ่ไปใบปัดอาจจะเลยขอบกระจก ทำให้ใบปัดเสีย และอายุการใช้งานน้อยลง
5.การทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน
เพราะว่าใบปัดน้ำฝน จะมีหน้าที่ปัดสิ่งสกปรกออกจากกระจก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หรือคราบต่าง ๆ ทำให้สิ่งเหล่านั้นอาจเกาะอยู่บนใบปัด ทำให้ใบปัดไม่สะอาด ซึ่งเราสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำ แล้วรูดไปตามใบปัด ไม่ควรใช้สารเคมีใดๆ โดยเฉพาะผงซักฟอก เพราะจะทำให้ใบปัด และสีของรถเสียหายได้
จอดรถกลางแดด ควรยกที่ปัดน้ำฝนขึ้นหรือไม่ ?
หลาย ๆ ท่าน เวลาจอดรถกลางแดด มักจะยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น
เพราะจะได้ช่วยลดความร้อนไม่ให้ยางเสื่อมเร็ว
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นเป็นเวลานาน ๆ จะเกิดผลเสียต่อสปริง ทำให้สปริงล้า
และส่งผลให้ยางปัดน้ำฝนไม่แนบกับกระจกตลอดความยาวได้ รวมทั้งแกนหมุนมอเตอร์ก็จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติด้วย
ยางที่ปัดน้ำฝนมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้ดี และ ที่ผิวกระจกก็ไม่ได้มีความร้อนสูงมากมายนัก
ไม่ว่าจะยกก้านหรือไม่ยกก้าน ยางปัดน้ำฝนก็จะเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติของยางอยู่ดี
อาจจะ 6-12 เดือน ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยาง
เพราะจะได้ช่วยลดความร้อนไม่ให้ยางเสื่อมเร็ว
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นเป็นเวลานาน ๆ จะเกิดผลเสียต่อสปริง ทำให้สปริงล้า
และส่งผลให้ยางปัดน้ำฝนไม่แนบกับกระจกตลอดความยาวได้ รวมทั้งแกนหมุนมอเตอร์ก็จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติด้วย
ยางที่ปัดน้ำฝนมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้ดี และ ที่ผิวกระจกก็ไม่ได้มีความร้อนสูงมากมายนัก
ไม่ว่าจะยกก้านหรือไม่ยกก้าน ยางปัดน้ำฝนก็จะเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติของยางอยู่ดี
อาจจะ 6-12 เดือน ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยาง
เอกภัณฑ์อะหลั่ย
จำหน่ายใบปัดน้ำฝนทุกรุ่นหลายยี่ห้อ ทั้งใบปัด และเฉพาะยางเปลี่ยน
โทร 038443084
วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
หัวเทียน
หัวเทียน
หัวเทียน เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่เพื่อการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ โดยปล่อยกระแสไฟแรงดันสูงหัวเป็นกลไกสำคัญต่อเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง เบนซิน และแก๊ส หรือก๊าซ
การเลือกใช้หัวเทียน
1. ใช้หัวเทียนร้อน กับเครื่องยนต์ ที่ทำงานหนัก และต่อเนื่องตลอดเวลา เป็นเวลานานๆ
ความร้อนจะสะสมอยู่ในหัวเทียนมาก เมื่อความร้อนเพิ่มมากขึ้น จนถึงจุดหนึ่ง
ก็มีโอกาส ที่จะเกิดการชิงจุดระเบิดก่อนเครื่องยนต์อาจได้รับความเสียหาย
2. ใช้หัวเทียนเย็น กับเครื่องยนต์ ที่ทำงานไม่หนัก เมื่อเกิดการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ หัวเทียนเย็น
จะมีความสามารถในการระบายความร้อนได้เร็วอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตรงหัวเทียน
มีโอกาสที่จะต่ำกว่าประสิทธิภาพที่ที่ควรจะเป็นจึงอาจเกิดคราบสกปรก ที่บริเวณหัวเทียน
ซึ่งเป็นสาเหตุให้กระแสไฟวิ่งผ่านลำบาก เครื่องยนต์อาจวิ่งสะดุดได้
ความร้อนจะสะสมอยู่ในหัวเทียนมาก เมื่อความร้อนเพิ่มมากขึ้น จนถึงจุดหนึ่ง
ก็มีโอกาส ที่จะเกิดการชิงจุดระเบิดก่อนเครื่องยนต์อาจได้รับความเสียหาย
2. ใช้หัวเทียนเย็น กับเครื่องยนต์ ที่ทำงานไม่หนัก เมื่อเกิดการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ หัวเทียนเย็น
จะมีความสามารถในการระบายความร้อนได้เร็วอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตรงหัวเทียน
มีโอกาสที่จะต่ำกว่าประสิทธิภาพที่ที่ควรจะเป็นจึงอาจเกิดคราบสกปรก ที่บริเวณหัวเทียน
ซึ่งเป็นสาเหตุให้กระแสไฟวิ่งผ่านลำบาก เครื่องยนต์อาจวิ่งสะดุดได้
เบอร์ของหัวเทียน
เบอร์ของหัวเทียน เป็นตัวอักษรหรือตัวเลขที่บอกคุณลักษณะของหัวเทียนนั้นๆ เพื่อการเลือกใช้อย่าง
เหมาะสม เช่น
NGK BP 6 H S
NGK คือยี่ห้อของหัวเทียน
B คือสัญลักษณ์ แสดงความโตของเกลียวหัวเทียน เช่น A, B, C, D
P คือสัญลักษณ์ แสดงแบบหรือชนิดของหัวเทียน เช่น P, R, U
6 คือสัญลักษณ์ แสดงตัวเลขแสดงค่าความร้อน เช่น 5, 6, 7, 8
H คือสัญลักษณ์ แสดงความยาวของเกลียวหัวเทียน เช่น E, H, L
ค่าความร้อนของหัวเทียนดูได้จากตัวเลขมากจะเป็นแบบเย็น / ตัวเลขน้อยจะเป็นแบบร้อน เลือกใช้ให้ถูกแล้วกัน
เบอร์ของหัวเทียน เป็นตัวอักษรหรือตัวเลขที่บอกคุณลักษณะของหัวเทียนนั้นๆ เพื่อการเลือกใช้อย่าง
เหมาะสม เช่น
NGK BP 6 H S
NGK คือยี่ห้อของหัวเทียน
B คือสัญลักษณ์ แสดงความโตของเกลียวหัวเทียน เช่น A, B, C, D
P คือสัญลักษณ์ แสดงแบบหรือชนิดของหัวเทียน เช่น P, R, U
6 คือสัญลักษณ์ แสดงตัวเลขแสดงค่าความร้อน เช่น 5, 6, 7, 8
H คือสัญลักษณ์ แสดงความยาวของเกลียวหัวเทียน เช่น E, H, L
ค่าความร้อนของหัวเทียนดูได้จากตัวเลขมากจะเป็นแบบเย็น / ตัวเลขน้อยจะเป็นแบบร้อน เลือกใช้ให้ถูกแล้วกัน
ข้อดีข้อเสียของหัวเทียนแต่ละแบบ
1.หัวเทียนแพล้ตตินั่ม มีข้อดีตรงที่ทนทานต่อการสึกกร่อน ทนทานต่อความร้อนสูงและช่วยส่งประกายไฟได้ดีคับ ส่วนข้อเสียคือราคาแพงคับ
2.หัว เทียนรถแข่ง มีข้อดีตรงที่เหมาะสำหรับการขับในรอบสูง (เพราะหัวเทียนชนิดนี้เย็นมาก) ข้อเสียคือไม่เหมาะแก่การใช้งานในเมืองคับ(เพราะเขม่าจะจับมาก)
3.หัวเทียนปลายตัด มีข้อดีตรงที่ หัวเทียนชนิดนี้ออกแบบให้อนุภาคของสารและเขม่าอื่นๆปลิ่วว่อนอยู่ในห้องเผาไหม้ม่เกาะเขี้ยวหัวเทียน
4.หัว เทียนจมูกยาว มีข้อดีตรงที่สามรถเพิ่มความร้อนได้อย่างรวดเร็วทำให้เขม่าไม่เกาะแต่ขณะใช้ รอบสูงก็จะไม่ร้อนเกินไปเพราะมีไอดีจากจังหวะดูดมาพัดเอาความร้อนไปและมีประ สิทธ์ภาพพอๆกันกับหัวเทียนแพล้ตตินั่มส่วน ข้อเสียคือหัวเทียนชนิดนี้ใช้ไม่ได้กับเครื่อง Side Vale คับ
5.หัวเทียนไร้เขี้ยว มีข้อดีตรงที่ทนทานต่อประกายไฟแรงๆคับ
6.หวั เทียนที่มีหลายเขี้ยว มีข้อเสียตรงที่หัวเทียนชนิดนี้ออกแบบมาสำหรับเครื่องบินซึ่งทำงานด้วยความ เร็วคงที่ซึ่งถ้านำมาใช้กับรถในเมืองเขม่าจะเกาะง่ายและทำความสะอาดยาก
ขึ้นคับ
7.หัวเทียนเขี้ยวทองแดง มีข้อดีตรงที่ ถ่ายเทความร้อนได้ไวกว่าโลหะอย่างอื่นเหมาะสำหรับรถความเร็วสูงและบรรทุกหนักคับ
8.หัวเทียนชนิดเร่งประกายไฟ มีข้อดีตรงที่สามารถจุดประกายไฟขณะที่มีเขม่าจับและเหมาะกับรถที่ใช้งานในเมืองหนาวด้วยคับ
ตารางเบอร์ของหัวเทียนแต่ละยี่ห้อ1.หัวเทียนแพล้ตตินั่ม มีข้อดีตรงที่ทนทานต่อการสึกกร่อน ทนทานต่อความร้อนสูงและช่วยส่งประกายไฟได้ดีคับ ส่วนข้อเสียคือราคาแพงคับ
2.หัว เทียนรถแข่ง มีข้อดีตรงที่เหมาะสำหรับการขับในรอบสูง (เพราะหัวเทียนชนิดนี้เย็นมาก) ข้อเสียคือไม่เหมาะแก่การใช้งานในเมืองคับ(เพราะเขม่าจะจับมาก)
3.หัวเทียนปลายตัด มีข้อดีตรงที่ หัวเทียนชนิดนี้ออกแบบให้อนุภาคของสารและเขม่าอื่นๆปลิ่วว่อนอยู่ในห้องเผาไหม้ม่เกาะเขี้ยวหัวเทียน
4.หัว เทียนจมูกยาว มีข้อดีตรงที่สามรถเพิ่มความร้อนได้อย่างรวดเร็วทำให้เขม่าไม่เกาะแต่ขณะใช้ รอบสูงก็จะไม่ร้อนเกินไปเพราะมีไอดีจากจังหวะดูดมาพัดเอาความร้อนไปและมีประ สิทธ์ภาพพอๆกันกับหัวเทียนแพล้ตตินั่มส่วน ข้อเสียคือหัวเทียนชนิดนี้ใช้ไม่ได้กับเครื่อง Side Vale คับ
5.หัวเทียนไร้เขี้ยว มีข้อดีตรงที่ทนทานต่อประกายไฟแรงๆคับ
6.หวั เทียนที่มีหลายเขี้ยว มีข้อเสียตรงที่หัวเทียนชนิดนี้ออกแบบมาสำหรับเครื่องบินซึ่งทำงานด้วยความ เร็วคงที่ซึ่งถ้านำมาใช้กับรถในเมืองเขม่าจะเกาะง่ายและทำความสะอาดยาก
ขึ้นคับ
7.หัวเทียนเขี้ยวทองแดง มีข้อดีตรงที่ ถ่ายเทความร้อนได้ไวกว่าโลหะอย่างอื่นเหมาะสำหรับรถความเร็วสูงและบรรทุกหนักคับ
8.หัวเทียนชนิดเร่งประกายไฟ มีข้อดีตรงที่สามารถจุดประกายไฟขณะที่มีเขม่าจับและเหมาะกับรถที่ใช้งานในเมืองหนาวด้วยคับ
สำหรับที่ร้านมีหัวเทียนจำหน่ายหลายชนิดหลายยี้ห้อ คุณภาพดี
เช่น หัวเทียน NGK , BOSCH , DENSO , CHAMPION , TOYOTA , HELLA
โทรสอบถามได้ที่ 038-443084
หรือ http://akp-auto.lnwshop.com
หรือ http://akp-auto.lnwshop.com
วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ยางโอริง (O-Ring)
ยางโอริง
ยางโอริง แท้ คุณภาพดี ทนทาน เหนี่ยว ทนความร้อน ที่จำหน่ายในร้านเป็นยางโอริงที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม และใช้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นโอริงคุณภาพสูง เหนียวขาดยาก แตกต่างกับยางโอริงตามตลาดนัด
ขนาดที่มีจำหน่าย
หนา 1.9 mm
หนา 2.5 mm
หนา 3.0 mm
หนา 3.5 mm
หนา 4.0 mm
หนา 5.7 mm
ความยาวทุกเบอร์ มีหลายขนาด ตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง 9 mm จนถึง 150 mm
สามารถโทรสอบถามได้ที่
วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
กุญแจปากตาย
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
WD-40 น้ำมันเอนกประสงค์สุดยอดน้ำมันครอบจักรวาล
WD-40
WD-40 เป็นน้ำมันอเนกประสงค์ชั้นนำของโลก ผสมจากสูตรลับเฉพาะของ WD40 ฉีดเพียงนิดประนิดประสิทธิภาพสูง ใช้ได้ทุกสถานการณ์ น้ำมัน WD40 เข้ายึดเกาะเคลือบผิวและแทรกซึมได้ทุกซอกทุกมุม แม้บริเวณที่เข้าถึงยาก WD40 ใช้ CO2 เป็นตัวขับ จึงไม่มีสาร CFC ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน จึงไม่ทิ้งคราบเหนียวและล้างออกได้ง่าย อีกทั้งใส ไม่มีตะกอน สามารถคว่ำกระป๋องฉีดได้โดยไม่ต้องเขย่าก่อนใช้ ไม่มีกลิ่นเหม็นฉุน ไม่มีสารพิษ หรือสารก่อมะเร็ง WD40 จึงได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้คนทั่วทั้งอเมริกา และเป็นน้ำมันอเนกประสงค์หนึ่งเดียวที่ NASA เลือกใช้
คุณสมบัติเด่น 5 ประการ ของน้ำมันอเนกประสงค์ WD-40
WD-40 ไล่ความชื้น มีแรงยึดติดกับผิวโลหะสูงมาก จึงแทรกซึมเป็นเกราะป้องกันระหว่างความชื้นและโลหะ โดยไม่เป็นสื่อไฟฟ้า
ช่วยป้องกันการลัดวงจร
WD-40 หล่อลื่นอุปกรณ์ ทำให้ส่วนเคลื่อนไหวต่างๆ ทำงานคล่องขึ้น ลดเสียงเอี๊ยดอ๊าดให้ผลหล่อลื่นยาวนาน
WD-40 แทรกซึมเพื่อคลายความติดขัด ช่วยให้ชิ้นส่วนที่ติดแน่นคลายตัวออกด้วยสูตรแทรกซึมตัวสูงของ WD-40 เช่น นอตที่ติดแม่กุญแจที่ติด ฯลฯ
WD-40 ป้องกันสนิม และจำกัดไม่ให้สนิม ที่เกิดแล้วลามออกไปได้
WD-40 ขจัดสิ่งสกปรก WD-40 แทรกซึมเข้าใต้สิ่งสกปรก ทำให้สิ่งสกปรกหลุดออก และยังช่วยลอกฉลากออกอย่างง่ายดาย ใช้ทำความสะอาดจาระบีจากชิ้นส่วนเขม่าในกระบอกปืน ฯลฯ
WD-40 ไล่ความชื้น มีแรงยึดติดกับผิวโลหะสูงมาก จึงแทรกซึมเป็นเกราะป้องกันระหว่างความชื้นและโลหะ โดยไม่เป็นสื่อไฟฟ้า
ช่วยป้องกันการลัดวงจร
WD-40 หล่อลื่นอุปกรณ์ ทำให้ส่วนเคลื่อนไหวต่างๆ ทำงานคล่องขึ้น ลดเสียงเอี๊ยดอ๊าดให้ผลหล่อลื่นยาวนาน
WD-40 แทรกซึมเพื่อคลายความติดขัด ช่วยให้ชิ้นส่วนที่ติดแน่นคลายตัวออกด้วยสูตรแทรกซึมตัวสูงของ WD-40 เช่น นอตที่ติดแม่กุญแจที่ติด ฯลฯ
WD-40 ป้องกันสนิม และจำกัดไม่ให้สนิม ที่เกิดแล้วลามออกไปได้
WD-40 ขจัดสิ่งสกปรก WD-40 แทรกซึมเข้าใต้สิ่งสกปรก ทำให้สิ่งสกปรกหลุดออก และยังช่วยลอกฉลากออกอย่างง่ายดาย ใช้ทำความสะอาดจาระบีจากชิ้นส่วนเขม่าในกระบอกปืน ฯลฯ
Thousands of Uses
ได้รับการยอมรับและเลือกใช้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก เช่น องค์การนาซ่า ,
Boeing , GE , GM , IBM , FORD , Toyota ฯลฯ ใช้ก๊าซ CO2 เป็นตัวขับน้ำมัน
(Propellant) จึงไม่มีสาร CFC
Quility and Value
ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มปริมาณน้ำมันมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับแบบมี CFC และยังช่วยลดระดับการติดไฟ จาก Extreme Flammable เป็น Flamable
ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มปริมาณน้ำมันมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับแบบมี CFC และยังช่วยลดระดับการติดไฟ จาก Extreme Flammable เป็น Flamable
วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
Karshine สุดยอดสารหล่อลื่นเพิ่มแรงม้าเครื่องยนต์
Karshine
Engine Treatment
Karshine สุดยอดสารหล่อลื่น รักษาเครื่องยนต์ ปกป้องชิ้นส่วนของเครื่อง โดยสร้างฟิล์มบางๆแทรกซึมตามผิวโลหะ จุดที่มีการเสียดสีของเครื่อง ปกป้องการเสียดสีได้อย่างสมบรูณ์ และยังช่วยป้องกันจากความร้อนสูงของการเสียดสีและ การสึกหรอ ใช้ได้กับเครื่องยนต์ทุกประเภททั้งเบนซินและดีเซล รวมทั้ง เครื่องยนต์ NGV และ LPG
คุณสมบัติพิเศษ
- ปกป้องการสึกหรอจากการเสียดสี เมื่อเริ่มสตาร์ทเครื่อง
- ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้เกือบ 20% เครื่องเดินเรียบและเงียบลง
- เพิ่มแรงม้าทำให้เครื่องแรงขึ้น
- ทำให้เครื่องติดง่ายและเร่งความเร็วได้ทันใจ
- ป้องกันเครื่องร้อนจัด ขณะใช้รอบสูงเป็นเวลานาน
- เติมได้ทันทีในเคื่องยนต์โดยไม่ต้องรอเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและจะไม่หลุดออกเมื่อมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ระยะการใช้งานถึง 80,000 ไมล์ ต่อการเติม 1 ครั้ง
- ผสมได้ทั้งน้ำมันเครื่องธรรมดาและสังเคราะห์รวทั้ง น้ำมันหล่อลื่นอื่นๆ
วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
จารบีตราจระเข้ จารบีราคาถูกคุณภาพดี
จารบีตราจระเข้
คุณสมบัติ
- ทนความร้อนสูงถึง 95-110°c
- มีสารเคมีป้องกันการเสื่อมคุณภาพ มีความเหนียว เกาะติดชิ้นส่วนเครื่องยนต์เป็นพิเศษ
- ป้องกันน้ำชะล้าง การสึกหรอ กดกระแทก เสียดทาน
- ประหยัดพลังงานรักษาชิ้นส่วนให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
สีเขียว เบอร์ 2 ใช้สำหรับงานหนัก มีคุณสมบัติป้องกันการชะล้างจากน้ำ, ยึดเกาะและหล่อลื่นให้เครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนเครื่องจักรในระดับความร้อน ปานกลาง 95-110 องศาเซลเซียส และช่วยยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆ ได้นานยิ่งขึ้น
สีแดง เบอร์ 3 ใช้สำหรับงานทั่วไป มีคุณสมบัติป้องกันการชะล้างจากน้ำ ใช้งานได้ดีกับสภาพการใช้งานที่ต้องเปียกน้ำ ทนความร้อนปานกลางระดับ 95-110 องศาเซลเซียสและช่วยยืดอายุการใช้งานให้แก่เครื่องยนต์, ชิ้นส่วนเครื่องจักร เช่น ตลับลุกปืน, ข้อต่อเครื่องจักร
เข้ามาชมสินค้าของเราได้ที่เว็บไซด์
http://akp-auto.lnwshop.com
วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
น้ำกลั่น รีไวว์
น้ำยารีไวว์
น้ำกลั่นรีไวว์หรือน้ำยารีไวว์มีสีชมพูไว้เติมแบตเตอรี่ประโยชน์ที่ได้คือ
-ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ของคุณให้ยาวนานขึ้น
-ไม่ต้องคอยกังวลน้ำในแบตเตอรี่
-ช่วยให้รถสตาร์ทติดได้ง่ายขึ้นหลังจากไม่ได้ใช้มานาน
ภาพ(A)ของแผ่นธาตุแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้น้ำยาเคมีรีไวว์
จะพบว่ามีซัลเฟตเกิดขึ้นและแผ่นธาตุมีการผุกร่อน
ซึ่งมีผลทำให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
ลดลง
ภาพ(B)ของแผ่นธาตุแบตเตอรี่ที่ใช้น้ำยาเคมีรีไวว์
จะพบว่าแม้เวลาผ่านไปแผ่นธาตุยังอยู่ในสภาพที่ดี
ยังผลให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพในการจ่ายพลังงานไฟ
ได้ดี เต็มประสิทธิภาพและทำให้แบตเตอรี่มีอายุการ
ใช้งานที่ยาวนานขึ้น
จะพบว่ามีซัลเฟตเกิดขึ้นและแผ่นธาตุมีการผุกร่อน
ซึ่งมีผลทำให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
ลดลง
ภาพ(B)ของแผ่นธาตุแบตเตอรี่ที่ใช้น้ำยาเคมีรีไวว์
จะพบว่าแม้เวลาผ่านไปแผ่นธาตุยังอยู่ในสภาพที่ดี
ยังผลให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพในการจ่ายพลังงานไฟ
ได้ดี เต็มประสิทธิภาพและทำให้แบตเตอรี่มีอายุการ
ใช้งานที่ยาวนานขึ้น
วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
การเลือกซื้อและการดูแลรักษาแบตเตอรี่
การเลือกใช้แบตเตอรี่ให้ถูกกับการใช้งาน
-ถ้าคุณเป็นคนที่นานๆสตาร์ทรถนานๆใช้รถทีนึง แนะนำให้เลือกใช้แบตเตอรี่ประเภทแห้งครับเหตุผลเพราะในแบตเตอรี่แห้งจะมีค่า CCA ที่สูงกว่าในปริมาณแบตเตอรี่ชนิดน้ำที่ปริมาณกระแสแอมป์เท่ากันอย่างเช่นแบตเตอรี่45แอมป์แบบน้ำจะมีค่าCCA ที่320 ในขณะที่แบตแห้ง45แอมป์จะมีค่า CCAที่450 ตามนี้ครับจึงสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าและอยู่ได้อึดทนนานกว่า
-ถ้าคุณใช้งานวิ่งทุกวันวันละเป็นร้อยกิโล แนะนำแบตเตอรี่น้ำครับเนื่องจากตะกั่วพลวงในแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่นนั้นมีความทนทานแต่กินน้ำกลั่นไปหนอยนั้นจึงเป็นเหตุที่ต้องมีรูระบายไอความร้อนเพราะแบตเตอรี่แห้งไม่มีรูระบายไอความร้อนที่เหมือนแบตนน้ำเวลาวิ่งนานๆจะเกิดความร้อนสะสมแบตแห้งจะบวมง่ายมากครับแต่แบตน้ำเมื่อวิ่งนานๆจะระบายความร้อนได้ดีแต่ต้องแลกกับการคอยเช็คระดับน้ำกลั่นที่บ่อยกว่าแต่มันก็ถูกแบบมาเพื่อใช้งานเชิงพาณฺชย์อย่างแท้จริงครับและราคาถูกด้วย
-แต่ถ้าคุณใช้งานรถยนต์แบบที่ทั่วไปวิ่งแค่วันละไม่เกิน3-4ชั่วโมง แบบนี้จะมีบ่อยมากครับใช้ได้ทั้ง2แบตทั้งน้ำและแห้งขึ้นอยู่กับผู้ใช้หากชอบดูแลรถเองอยู่แล้วก็จะนิยมแบตน้ำกันครับราคาถูกกว่าดีด้วยแต่หากยุ่งๆไม่ค่อยว่างดูแลรถยนต์ใช้แบบแห้งก็ได้ครับสะดวกสบายดีแต่จะยังไงก็ตามแต่คนเรามักจะลืมเปิดไฟทิ้งไว้ในรถแน่นอนจะทำให้แบตหมดและอายุสั้นลงด้วยทางที่ดีควรตรวจเช็คให้เรียบร้อยก่อนออกจากรถนะครับ
ที่ร้านมีจำหน่ายทั้งที่เป็นแบตแห้งและแบตน้ำครับ
แบตเตอรี่ชนิดน้ำ
1. Boliden (โบลีเดน)
2. GS (จีเอส)
แบตเตอรี่ชนิดแห้ง
1. Yokohama (โยโกฮาม่า)
2. Delphi
สายพาน Bando
สายพาน Bando
Bando V-Belts สายพาน Bando สายพานคุณภาพดีทนทาน โดยสายพานมีลักษณะแบบหุ้มผ้าใบ ผ้าใบที่หุ้มสายพาน V-Belts มีความยืดหยุ่นมากกว่าสายพานยี่ห้ออื่น อีกทั้งเพิ่มความต้านทานต่อแรงเสียดทาน น้ำมัน และความร้อน
เส้นคอร์ดโพลีเอสเตอร์ (Polyester) ให้ความแข็งแรง ยืดหยุ่น อีกทั้งลดแรงเสียดทานในขณะที่ใช้งาน
ส่วนผสมของเนื้อสายพาน ถูกออกแบบมาเพื่อให้ลดการสะสมความร้อน และกระจายแรงดึงให้ทั่วสายพานทั้งเส้น
ได้มาตรฐาน RMA เกี่ยวกับการทนน้ำมัน และทนความร้อน
ส่วนผสมของเนื้อสายพาน ถูกออกแบบมาเพื่อให้ลดการสะสมความร้อน และกระจายแรงดึงให้ทั่วสายพานทั้งเส้น
ได้มาตรฐาน RMA เกี่ยวกับการทนน้ำมัน และทนความร้อน
โดยทางร้านจำหน่ายสายพานขนาดความกว้างหลายขนาดเช่น M, A, B, C
มีจำหน่าย
ขนาด M ที่ความยาวเบอร์ M19 - M43
ขนาด A ที่ความยาวเบอร์ A19 - A90
ขนาด B ที่ความยาวเบอร์ B22 - B170
ขนาด C ที่ความยาวเบอร์ C60 - C120
วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
คาสตรอล เอจ Titanium สร้างฟิล์มน้ำมันที่แข็งแกร่งที่สุด
Castrol EDGE Titanium 0W-40
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Synthetic) ดีกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไปอย่างไร?
-น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้น้ำมันพื้นฐานทั่วไป ในเรื่องของความเสถียรที่อุณหภูมิสูง และไหลได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ เป็นผลทำให้ ช่วยให้สตาร์ทเครื่องง่าย ลดการสึกหรอจากการสตาร์ท รวมทั้งป้องกันการเกิดคราบตะกอน ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด นอกจากนี้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สามารถสร้างฟิล์มน้ำมันที่แข็งแรง จึงสามารถป้องกันเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้สูงกว่า และทำให้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องทั่ว ๆ ไปอีกด้วย
-น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้น้ำมันพื้นฐานทั่วไป ในเรื่องของความเสถียรที่อุณหภูมิสูง และไหลได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ เป็นผลทำให้ ช่วยให้สตาร์ทเครื่องง่าย ลดการสึกหรอจากการสตาร์ท รวมทั้งป้องกันการเกิดคราบตะกอน ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด นอกจากนี้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สามารถสร้างฟิล์มน้ำมันที่แข็งแรง จึงสามารถป้องกันเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้สูงกว่า และทำให้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องทั่ว ๆ ไปอีกด้วย
รถเก่าแล้ว ใช้งานเกิน 7-10 ปี แล้ว ควรใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดไหน ความหนืดเท่าไร ?
-ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า หรือ รถใหม่ สามารถใช้น้ำมันเครื่องได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน สังเคราะห์ กึ่งสังเคราะห์ หรือน้ำมันธรรมดา โดยหากเลือกใช้น้ำมันเครื่อง ชนิดสังเคราะห์ ก็จะช่วยในเรื่องการปกป้องเครื่องยนต์ ยืดอายุการใช้งานได้ ยาวนานกว่า เป็นต้น และหากสภาพเครื่องยนต์ยังดีอยู่ คือ ไม่มีอาการกิน น้ำมันเครื่อง ก็สามารถเลือกเบอร์ความหนืดที่ใสขึ้นได้ เช่น SAE 5W- 40 หรือ SAE 10W-30 เป็นต้น เพื่อช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิง แต่หากสภาพของ เครื่องยนต์ไม่ดี และมีอาการกินน้ำมันเครื่อง แนะให้ให้เลือกเบอร์ความหนืด ที่ข้นขึ้น เช่น SAE 15W-40 หรือ SAE 20W-50 เป็นต้น เพื่อช่วยลดปัญหาดัง กล่าว
คาสตรอล เอจ 0W/40
น้ำมันเครื่องยนต์เบนซินสูตรสังเคราะห์ 100% ที่ดีที่สุดของคาสตรอลด้วยเทคโนโลยีสูงสุดลิขสิทธ์เฉพาะของคาสตรอล ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุก ๆ สภาวะการทำงานของเครื่องยนต์
ฟิล์มน้ำมันแข็งแกร่งมากกว่า 40%
มีฟิล์มน้ำมันที่แข็งแกร่งที่สุดของน้ำมันเครื่องในยุคปัจจุบัน เหนือกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ชั้นนำทั่วไปถึง 40 % ด้วยฟิล์มน้ำมันที่แข็งแกร่ง ช่วยลดการสัมผัสหรือเสียดสีกันของชิ้นส่วนโลหะ ภายในเครื่องยนต์ได้สูง
ร้านเอกภัณฑ์อะหลั่ย
ร้านเอกภัณฑ์อะหลั่ย
ขายอะหลั่ยรถยนต์รถกะบะคุณภาพ น้ำมันเครื่อง ตลับลูกปืน กรองเครื่องกรองอากาศ แหนบ สกรูน็อตต่างๆ ชุดเบรคคลัช จารบี กระจกรถ สายพาน แบตเตอรี่ น้ำกลั่น น้ำยาหม้อน้ำ ใบปัดน้ำฝน ยางบังโคลน หัวเทียน หลอดไฟรถ ยางโอริง ท่อยาง เครื่องมือช่าง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)