ใบปัดน้ำฝน
การเลือกซื้อใบปัดน้ำฝน
ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุ และเนื้อยางที่มีคุณภาพดี เพื่อให้ทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ และสามรถใช้งานได้นาน ใบปัดน้ำฝนที่ดี ส่วนโครงของใบปัดน้ำฝน ควรจะทำจากวัสดุที่เป็นโลหะทั้งโครง เพื่อช่วยป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะใช้ความเร็วสูง และสามารถเพิ่มน้ำหนักในการรีดน้ำให้เรียบอีกด้วย
นอกจากนี้ เนื้อยางของใบปัดน้ำฝนก็มีส่วนสำคุญ ควรพิจรณาเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีเนื้อยางสูตรเฉพาะ ที่เหมาะสำหรับการใช้ในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถคงคุณภาพยางไม่ให้เสื่อมเร็วเกินไป
ใบปัดน้ำฝนบางชนิดอาจจะมีราคาถูก แต่อาจจะเสื่อมประสิทธิภาพภายหลังการใช้เพียง 1-2 ครั้ง เนื่องจากผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่ได้
เทคนิค และการดูแลรักษาใบปัดน้ำฝน
ที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์หนึ่งซึ่งสำคัญกับความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ โดยเจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะละเลย และไม่นึกถึง จะมาเห็นความสำคัญเมื่อตอนที่เจอฝน ซึ่งตอนนั้นอาจจะสายเกินไป ส่วนประกอบสำคัญของที่ปัดน้ำฝนที่ต้องดูแลสภาพค่อนข้างสมำเสมอ เนื่องจากมีการเสื่อมสภาพหลังจากที่ผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง คือส่วนโครง และใบปัดน้ำฝน ซึ่งโดยทั่วไปมักจะมีคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนดังต่อไปนี้
1.ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเมื่อไร?
เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ควรทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เนื่องจากใบปัดน้ำฝน โดยทั่วไป จะมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และวัสดุที่ใช้ในการผลิต
2.รู้ได้อย่างไรว่าที่ปัดน้ำฝนหมดอายุการใช้งาน?
เมื่อผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ที่ปัดน้ำฝนจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ซึ่งอาจทำให้ไม่ปลอดภัยเวลาขับขี่ โดยมีอาการหลายอย่างที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน ได้แก่ ใบปัดเป็นรอยทำให้ปัดน้ำได้ไม่หมด ,ใบปัดสะดุด ,มีเสียงดังเวลาปัด และใบปัดฉีกขาด
3.ถ้าที่ปัดน้ำฝนไม่ค่อยได้ใช้งาน เรามีความจำเป็นในการเปลี่ยนหรือไม่?
ถึงแม้ว่าไม่ค่อยได้ใช้งาน ใบปัดน้ำฝนก็ยังต้องรับกับสภาวะต่างๆนอกรถ เช่น แสง UV และความร้อนจากแสงแดด หรือมลภาวะ ฝุ่นต่างๆ ทีมีผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานของใบปัด ซึ่งทำมาจากยาง ทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนตามอายุการใช้งาน เพื่อความปลอดภัย
4.ขนาดของใบปัดน้ำฝน
รถแต่ละรุ่นจะใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดที่แตกต่างกัน ในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน จึงควรจะดูขนาดที่ระบุอยู่ในคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือสามารถเทียบดูรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนได้เช่นกัน
ในกรณีที่ติดใบปัดผิดขนาด ถ้าเล็กไปจะทำให้รัศมีในการปัดน้อยลง ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ไม่ดี ถ้าใหญ่ไปใบปัดอาจจะเลยขอบกระจก ทำให้ใบปัดเสีย และอายุการใช้งานน้อยลง
5.การทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน
เพราะว่าใบปัดน้ำฝน จะมีหน้าที่ปัดสิ่งสกปรกออกจากกระจก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หรือคราบต่าง ๆ ทำให้สิ่งเหล่านั้นอาจเกาะอยู่บนใบปัด ทำให้ใบปัดไม่สะอาด ซึ่งเราสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำ แล้วรูดไปตามใบปัด ไม่ควรใช้สารเคมีใดๆ โดยเฉพาะผงซักฟอก เพราะจะทำให้ใบปัด และสีของรถเสียหายได้
ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุ และเนื้อยางที่มีคุณภาพดี เพื่อให้ทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ และสามรถใช้งานได้นาน ใบปัดน้ำฝนที่ดี ส่วนโครงของใบปัดน้ำฝน ควรจะทำจากวัสดุที่เป็นโลหะทั้งโครง เพื่อช่วยป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะใช้ความเร็วสูง และสามารถเพิ่มน้ำหนักในการรีดน้ำให้เรียบอีกด้วย
นอกจากนี้ เนื้อยางของใบปัดน้ำฝนก็มีส่วนสำคุญ ควรพิจรณาเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีเนื้อยางสูตรเฉพาะ ที่เหมาะสำหรับการใช้ในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถคงคุณภาพยางไม่ให้เสื่อมเร็วเกินไป
ใบปัดน้ำฝนบางชนิดอาจจะมีราคาถูก แต่อาจจะเสื่อมประสิทธิภาพภายหลังการใช้เพียง 1-2 ครั้ง เนื่องจากผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่ได้
เทคนิค และการดูแลรักษาใบปัดน้ำฝน
ที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์หนึ่งซึ่งสำคัญกับความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ โดยเจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะละเลย และไม่นึกถึง จะมาเห็นความสำคัญเมื่อตอนที่เจอฝน ซึ่งตอนนั้นอาจจะสายเกินไป ส่วนประกอบสำคัญของที่ปัดน้ำฝนที่ต้องดูแลสภาพค่อนข้างสมำเสมอ เนื่องจากมีการเสื่อมสภาพหลังจากที่ผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง คือส่วนโครง และใบปัดน้ำฝน ซึ่งโดยทั่วไปมักจะมีคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนดังต่อไปนี้
1.ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเมื่อไร?
เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ควรทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เนื่องจากใบปัดน้ำฝน โดยทั่วไป จะมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และวัสดุที่ใช้ในการผลิต
2.รู้ได้อย่างไรว่าที่ปัดน้ำฝนหมดอายุการใช้งาน?
เมื่อผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ที่ปัดน้ำฝนจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ซึ่งอาจทำให้ไม่ปลอดภัยเวลาขับขี่ โดยมีอาการหลายอย่างที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน ได้แก่ ใบปัดเป็นรอยทำให้ปัดน้ำได้ไม่หมด ,ใบปัดสะดุด ,มีเสียงดังเวลาปัด และใบปัดฉีกขาด
3.ถ้าที่ปัดน้ำฝนไม่ค่อยได้ใช้งาน เรามีความจำเป็นในการเปลี่ยนหรือไม่?
ถึงแม้ว่าไม่ค่อยได้ใช้งาน ใบปัดน้ำฝนก็ยังต้องรับกับสภาวะต่างๆนอกรถ เช่น แสง UV และความร้อนจากแสงแดด หรือมลภาวะ ฝุ่นต่างๆ ทีมีผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานของใบปัด ซึ่งทำมาจากยาง ทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนตามอายุการใช้งาน เพื่อความปลอดภัย
4.ขนาดของใบปัดน้ำฝน
รถแต่ละรุ่นจะใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดที่แตกต่างกัน ในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน จึงควรจะดูขนาดที่ระบุอยู่ในคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือสามารถเทียบดูรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนได้เช่นกัน
ในกรณีที่ติดใบปัดผิดขนาด ถ้าเล็กไปจะทำให้รัศมีในการปัดน้อยลง ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ไม่ดี ถ้าใหญ่ไปใบปัดอาจจะเลยขอบกระจก ทำให้ใบปัดเสีย และอายุการใช้งานน้อยลง
5.การทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน
เพราะว่าใบปัดน้ำฝน จะมีหน้าที่ปัดสิ่งสกปรกออกจากกระจก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หรือคราบต่าง ๆ ทำให้สิ่งเหล่านั้นอาจเกาะอยู่บนใบปัด ทำให้ใบปัดไม่สะอาด ซึ่งเราสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำ แล้วรูดไปตามใบปัด ไม่ควรใช้สารเคมีใดๆ โดยเฉพาะผงซักฟอก เพราะจะทำให้ใบปัด และสีของรถเสียหายได้
จอดรถกลางแดด ควรยกที่ปัดน้ำฝนขึ้นหรือไม่ ?
หลาย ๆ ท่าน เวลาจอดรถกลางแดด มักจะยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น
เพราะจะได้ช่วยลดความร้อนไม่ให้ยางเสื่อมเร็ว
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นเป็นเวลานาน ๆ จะเกิดผลเสียต่อสปริง ทำให้สปริงล้า
และส่งผลให้ยางปัดน้ำฝนไม่แนบกับกระจกตลอดความยาวได้ รวมทั้งแกนหมุนมอเตอร์ก็จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติด้วย
ยางที่ปัดน้ำฝนมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้ดี และ ที่ผิวกระจกก็ไม่ได้มีความร้อนสูงมากมายนัก
ไม่ว่าจะยกก้านหรือไม่ยกก้าน ยางปัดน้ำฝนก็จะเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติของยางอยู่ดี
อาจจะ 6-12 เดือน ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยาง
เพราะจะได้ช่วยลดความร้อนไม่ให้ยางเสื่อมเร็ว
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นเป็นเวลานาน ๆ จะเกิดผลเสียต่อสปริง ทำให้สปริงล้า
และส่งผลให้ยางปัดน้ำฝนไม่แนบกับกระจกตลอดความยาวได้ รวมทั้งแกนหมุนมอเตอร์ก็จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติด้วย
ยางที่ปัดน้ำฝนมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้ดี และ ที่ผิวกระจกก็ไม่ได้มีความร้อนสูงมากมายนัก
ไม่ว่าจะยกก้านหรือไม่ยกก้าน ยางปัดน้ำฝนก็จะเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติของยางอยู่ดี
อาจจะ 6-12 เดือน ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยาง
เอกภัณฑ์อะหลั่ย
จำหน่ายใบปัดน้ำฝนทุกรุ่นหลายยี่ห้อ ทั้งใบปัด และเฉพาะยางเปลี่ยน
โทร 038443084
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น