ประหยัดน้ำมันทำไง
ในช่วงเวลานี้ที่ข้าวของทุกอย่างแพงไปหมด ตั้งแต่ข้าวแกงยันอาหารตามสั่ง
รวมทั้งราคาน้ำมันที่ไม่มีวี่แววว่าจะลดลง ทำให้ทางค่ายรถยนต์ต่างๆ
หันออกมาผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันกันอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามถึงจะขับรถประหยัดน้ำมันกัน
แต่ถ้าหากไม่รู้วิธีขับรถยนต์ที่ถูกต้องก็จะสิ้นเปลืองค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเทียบเท่ากับรถธรรมดาทั่วไปได้เหมือนกันค่ะ
ซึ่งการขับรถที่ดี นอกจากมีสติและถูกกฎจราจรแล้ว
ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ ยังต้องรู้จักวิธีขับรถยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน
เพราะนั่นหมายถึงการเซฟเงินในกระเป๋าได้แบบสุด ๆ ซึ่งวิธีที่เรานำมาฝาก
รับรองว่าไม่ยากเกินกว่าที่จะทำตามกันได้แน่นอนคะและตอนนี้เรามาดูหลักการขับรถให้ประหยัดน้ำมันกันดีกว่า
1. การสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว
ไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องยนต์ขณะที่รถจอดอยู่กับที่ เพียงขับเคลื่อนรถเบาๆ
1-2
กิโลเมตรเครื่องยนต์จะอุ่นเองไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องยนต์แล้วจอดอยู่กับที่
เพราะการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 2 นาที สิ้นเปลืองน้ำมัน 40 ซีซี.
และหลังไฟเตือนต่าง ๆ บนหน้าปัดดับลงแล้ว
คุณก็สามารถเคลื่อนรถออกได้อย่างช้าๆแล้วค่อยๆเร่งเครื่องยนต์ทีละน้อยโดยไม่ควรใช้รอบสูงตรงนี้ทำให้เครื่องยนต์อุ่นตัวได้เร็วขึ้น
2. เบรกมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิง ทุกครั้งที่เราเบรก
ความเร็วจะลดถ้าต้องการไปต่อ เราก็ต้องเพิ่มความเร็วหรือเร่งเครื่องขึ้น
การมองไกลเพื่อประเมินสถานการณ์ข้างหน้า
โดยการปล่อยคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อปล่อยให้รถไหล
ไม่ใช่เบรกเพื่อปล่อยคันเร่งต่อหรือปล่อยคันเร่งช้า แล้วแตะเบรกและเร่งต่อ
อย่างหลังจะเปลืองน้ำมันมากกว่าค่ะ
3. หลีกเลี่ยงการเร่งคันเร่งทันทีทันใดบ่อยๆหรือการเรเครื่องยนต์บ่อยๆ
การเร่งเครื่องยนต์ขณะเกียร์ว่าง 10
ครั้งส่งผลให้รถจักรยานยนต์สิ้นเปลืองน้ำมัน 15 ซีซี., รถปิคอัพ รถตู้
รถแวน สิ้นเปลืองน้ำมัน100 ซีซี. และรถบรรทุก สิ้นเปลืองน้ำมัน 300
ซีซี.หรือเรียกว่า การย่ำคันเร่ง บางคนชอบเร่งแล้วปล่อย
ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
4. ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ และไม่เกินป้ายจำกัดความเร็ว อัตราความเร็วรถที่เหมาะสมที่จะประหยัดน้ำมันได้มากที่สุดคือ 60 - 80 ก.ม./ช.ม.
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถยนต์ที่ความเร็วต่างๆ กัน เปรียบเทียบได้ดังนี้
- ความเร็ว 95 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 15%
- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 29%
- ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 10%
- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 25%
ตัวอย่างเช่น
การวิ่งรถในยานชานเมืองที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถือว่าเป็นจุดที่ให้ความประหยัดมาก และควรเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาฝนตก
ซึ่งเราก็ทราบกันอยู่แล้วว่า หากฝนตกเมื่อไรการจราจรติดเมื่อนั้น
เพราะธุรกิจบางอย่างสามารถติดต่อทางโทรศัพท์ อีเมล์ หรือวิธีอื่น ๆ ได้
โดยไม่จำเป็นต้องขับรถให้เปลืองน้ำมันด้วยค่ะ
5. ลดการใช้แอร์รถในช่วงเช้า
หรือช่วงที่มีอากาศเย็น หากคุณปิดแอร์รถเป็นเวลา 30 นาที
ก็สามารถจะประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 10-15 %
เลยทีเดียวค่ะ
6. ควรมีการวางแผนเดินทางที่ดี
หลีกเลี่ยงเส้นทาง ที่มีการจราจรติดขัด,ไม่ขับรถอ้อมจนเกินไป ไม่หลงทาง
และไม่ขับเลยจากจุดหมายปลายทาง
เท่านี้ก็ลดการสูญเสียน้ำมนโดยเปล่าประโยชน์ไปได้ มากแล้วค่ะ
7. ตรวจเช็คความดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ
ยางที่มีลมอ่อน เกินไปจะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น
และยางมีอายุการใช้งานสั้น ในขณะเดียวกันหากลมยางแข็งเกินไป
รถอาจเกาะถนนไม่ดี และยางก็มีอายุการใช้งานสั้นเช่นกัน
ดังนั้นควรให้ความสำคัญของยางเป็นอย่างมากนะค่ะจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากเลยค่ะ
8. ตรวจเช็คเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ เช่น
ปริมาณน้ำยาทำความเย็น ความสกปรกของคอยล์ร้อนคอยล์เย็น และไส้กรอง ฯลฯ
เพื่อให้ระบบทำงานมี ประสิทธิภาพพร้อมทั้งปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ
เพราะถ้าปรับอุณหภูมิต่ำเกินไปคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนัก มากขึ้น
เป็นภาระให้เครื่องยนต์มากขึ้น
ส่งผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็มากขึ้นไปด้วยค่ะ
9. ดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ ด้วยการตรวจเช็ค
และเปลี่ยนอะไหล่ตามที่ผู้ผลิตกำหนด ความบกพร่องของเครื่องยนต์
นอกจากจะเป็นผลให้เครื่องยนต์มีอายุ การใช้งานสั้นลงแล้ว
ก็อาจจะเป็นผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้นด้วย อาทิเช่น
- ไส้กรองอากาศตัน เพราะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่มีประสิทธิภาพ
- น้ำมันหล่อลื่นเก่า ขาดคุณสมบัติการหล่อลื่น ฯลฯ
- ระบบระบายความร้อนบกพร่อง ทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานที่อุณหภูมิที่ผู้ผลิตออกแบบไว้
- หัวเทียนเสื่อมสภาพ ทำให้เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
- รอบเครื่องยนต์เดินเบาสูงกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ทำให้ เครื่องยนต์ทำงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
- ปรับตั้งการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้การเผาไหม้ ของเชื้อเพลิงไม่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น ฯลฯ
10. บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น เพราะน้ำหนักรถมีผล
ต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยค่ะ
ถ้าบรรทุกมากๆเกินความจำเป็นก็จะทำให้สิ้นเปลืองการใช้พลังงานเชื้อเพลิงของรถด้วยค่ะ
11.ควรดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถคอย
เพราะการติดเครื่องยนต์จอดรถเป็นเวลา 5 นาที จะสิ้นเปลืองน้ำมัน 100 ซีซี.
และถ้าติดเครื่องยนต์จอดรอนานกว่านั้นก็จะยิ่งสิ้นเปลืองน้ำมันยิ่งขึ้นอีกค่ะ
12. ยังคงมีปัจจัยอื่น ๆ
ซึ่งมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์
แต่เท่าที่ได้กล่าวก็ถือเป็นเรื่องหลักๆ ที่ทำได้โดยไม่ยากเย็นเลยนะค่ะ
เพื่อที่จะช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแถมยังช่วยในเรื่องการถนอมรถของเราให้มีอายุกานใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
อีกทั้งยังเหลือเงินของเรานำไปทำอย่างอื่นได้อย่างสบายใจและเหลือเงินออมเข้ากระเป๋าอีกเยอะเลยค่ะ
ได้ทั้งความปลอดภัยและได้ทั้งเงินขนาดนี้ใครๆก็ชอบ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
www.thairentecocar.com
วจเช็กสภาพเครื่องยนต์:
ลำดับแรกเลย เราควรหมั่นตรวจสภาพเครื่องยนต์
และเปลี่ยนอะไหล่ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
เพราะหากไม่เปลี่ยนจะทำให้อายุการใช้งานของร
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1177677
เคล็ด (ไม่ลับ) ประหยัดน้ำมันรถ มีอะไรบ้าง? ตามมาดูกันเลย.
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1177677
เคล็ด (ไม่ลับ) ประหยัดน้ำมันรถ มีอะไรบ้าง? ตามมาดูกันเลย...
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1177677
เคล็ด (ไม่ลับ) ประหยัดน้ำมันรถ มีอะไรบ้าง? ตามมาดูกันเลย...
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1177677